สุขศึกษา เรื่อง ยาเสพติด


สุขศึกษา เรื่อง ยาเสพติด
# โรงพยาบาลที่รักษาคนติดสารเสพติด มีหลายแห่ง เช่น
1. สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี ที่อยู่ 60 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี 12130
2. โรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ ที่อยู่  86 ถ.ช้างเผือก ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา
3. คลินิคยาเสพติดโรงพยาบาลหัวหิน โรงพยาบาลหัวหิน ที่อยู่ 30/2 ถ.เพชรเกษมหัวหิน ต.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ 
4. สถาบันธัญญารักษ์ สายด่วน 1165
5. บ้านพิชิตใจ เขตประเวศ เบอร์โทรศัพท์ 02-329-1353
6. โครงการ To Be Number One สายด่วน 1323
7. ภูฟ้าเรสท์โฮม บ้านพักฟื้นสำหรับผู้ป่วยยาเสพติด เบอร์โทรศัพท์ 063-908-2999
8. สำนักสงฆ์วัดถ้ำกระบอก เบอร์โทรศัพท์ 036-266-292
9. เดอะ เคบิน เบอร์โทร 02-107-2545

# การหลีกเลียงพฤติกรรมเสี่ยง เพื่อไม่ให้ติดสารเสพติด
1. ไม่ทดลองเสพสิ่งที่รู้ว่ามีภัย เพราะอาจจะทำให้ติดได้ง่าย 
2. เลือกคบเพื่อนที่ดี พยายามหลีกเลี่ยงเพื่อนที่ชอบชักจูงไปในทางเสื่อมเสีย
3. รู้จักใช้วิจารณญาณในการแก้ปัญหา แต่หากว่าไม่สามารถแก้ไขเองได้ ก็ควรจะปรึกษากับพ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่ที่ไว้ใจได้
4. การสร้างทักษะชีวิต โดยเฉพาะทักษะการปฏิเสธเมื่อถูกเพื่อนชักชวนให้เสพสิ่งเสพติด ต้องรู้จักปฏิเสธอย่างนุ่มนวล โดยการชี้แจงผลเสียของสิ่งเสพติดต่อการเรียนและอนาคต การรู้จักปฏิเสธอย่างจริงจังและจิตใจแน่วแน่จะทำให้เพื่อนเกรงใจไม่กล้าชวนอีก 
5. ศึกษาหาความรู้ เพื่อให้รู้เท่าทันโทษพิษภัยของยาเสพติด
6. ระมัดระวังเรื่องการใช้ยา เพราะยาบางชนิดอาจทำให้เสพติดได้ 
7. ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์

# ขั้นตอนการเข้ารับการรักษา
วิธีบำบัดรักษาเพื่อให้หายขาดจากการติดยาเสพติด มีทั้งแนวทางรักษาโดยการแพทย์ การรักษาโดยผู้เชี่ยวชาญในองค์กร หรือสถาบันต่าง ๆ และแนวทางรักษาด้วยตัวเอง
1. แนวทางบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติดในทางการแพทย์
    1.1 การบำบัดผู้ติดยาแบบผู้ป่วยใน
          การเลือกวิธีรักษาประเภทนี้ ผู้ป่วยจะต้องเข้าไปอยู่ในสถานที่ที่ทางโรงพยาบาลจัดไว้ให้ หรือที่เรียกว่าศูนย์การรักษาตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งจะมีแพทย์คอยดูแลอย่างใกล้ชิด เริ่มตั้งแต่การซักประวัติ การรักษาในกรณีถอนพิษยา หรือผู้ป่วยมีอาการอยากยาขึ้น เมื่อมีอาการดีขึ้นแล้ว ก็จะมีการรักษาทางจิตวิทยาต่อไป เพื่อเป็นการฟื้นฟูสภาพจิตใจของผู้ป่วยให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้ตามปกติ
     1.2 การบำบัดผู้ติดยาแบบผู้ป่วยนอก
          การเลือกรักษาวิธีการนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการรักษา ไม่มีความประสงค์จะรักษาตัวตลอด 24 ชั่วโมงเหมือนการเป็นผู้ป่วยใน โดยทั่วไปแล้วการรักษาของผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอกจะมีความคล้ายคลึงกัน เพียงแต่ผู้ป่วยนอกสามารถจัดตารางเวลาที่เหมาะสมในการเข้าพบแพทย์ แต่ถ้าหากว่านัดหมายแล้วยังไม่สามารถเข้ามาได้ หรือไม่สามารถอดทนกับการพยายามเลิกสารเสพติดได้ ก็ควรหยุดการใช้ชีวิตประจำวันสักระยะหนึ่ง มารักษาแบบเด็ดขาดโดยวิธีของผู้ป่วยในแทน
      1.3 การบำบัดรักษาโดยวิธีการขององค์กรและสถาบันต่าง ๆ
           ในส่วนนี้จะมีวิธีรักษาที่เป็นขั้นตอนด้วยกันทั้งหมด 4 ขั้นตอน อาจจะแตกต่างกันบ้างในเรื่องของระยะเวลา และยาที่นำมาใช้ในการรักษา แต่ลักษณะโดยทั่วไปจะเหมือนกันหมด คือ
          ขั้นตอนที่ 1 เตรียมการ
          เริ่มจากการส่งตัวผู้ป่วยมาที่สถาบันจากนั้นจะมีการซักประวัติต่าง ๆ ทั้งตัวผู้ป่วยและครอบครัว เช่น ประวัติภูมิหลัง ปัญหาในครอบครัว ปัญหาเพื่อนฝูง เหตุที่ทำให้ติดสารเสพติด พร้อมกันนี้ก็จะมีการให้กำลังใจและให้คำแนะนำในการเลิกสารเสพติดไปในตัว เมื่อเรียบร้อยแล้วก็จะมีการตรวจร่างกายด้วยวิธีทางการแพทย์ และเข้าสู่ขั้นตอนที่ 2 ต่อไป
          ขั้นตอนที่ 2 ถอนพิษของยาเสพติด
          ในการถอนพิษยาจะเกิดขึ้นเมื่อผู้ป่วยมีอาการอยากยามาก ๆ และจะเริ่มมีอาการคลั่ง ก็จะมีการให้ยาชนิดอื่นทดแทน เช่น เมธาโดน หรือยาสมุนไพร (แตกต่างกันไปตามแต่สถาบันหรือองค์กร) ซึ่งผู้ป่วยจะเข้าสู่กระบวนการ "หักดิบ" นั่นเอง ขั้นตอนนี้อาจจะต้องใช้เวลาสักระยะ และจะต้องเจอกับปัญหาของร่างกาย เพราะฉะนั้นเจ้าหน้าที่ในสถาบัน มักจะให้ญาติผู้ป่วยเข้ามาเยี่ยมเยียนเพื่อให้กำลังใจผู้ป่วยให้ผ่านขั้นตอนนี้ไปให้ได้ ก่อนที่จะเข้าสู่ขั้นตอนที่ 3
          ขั้นตอนที่ 3 ฟื้นฟูสภาพจิตใจและสมรรถภาพ
          เมื่อผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น และเลิกยาได้แล้ว ก็จะมีการฟื้นฟูสภาพจิตใจให้เข้มแข็ง เพื่อไม่ให้มีการกลับไปใช้ยาต่อไป อาจจะมีกิจกรรมให้ทำ เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถอยู่ร่วมกับคนอื่นในสังคม หรือทำมาหาเลี้ยงชีพตนเองได้ ผู้ป่วยบางรายอาจได้รับการอุปสมบทในขั้นตอนนี้ เพื่อใช้ศาสนาเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจอีกด้วย ซึ่งก็นับว่าได้ผลดี เพราะมีผู้ป่วยจำนวนมากที่บวชไม่สึกตลอดชีวิต
           ขั้นตอนที่ 4 ติดตามดูแล
           เมื่อผู้ป่วยได้เข้าสู่ขั้นตอนการบำบัดครบทั้ง 3 ขั้นตอน และกลับมาสู่สังคมแล้ว เจ้าหน้าที่จะทำการติดตามดูแล ด้วยการสอบถาม นัดพบเพื่อตรวจร่างกายอีกครั้งว่ายังใช้สารเสพติดอยู่หรือไม่ พร้อมกันนี้ก็ให้คำปรึกษา ให้กำลังใจ เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยกลับไปใช้ยาเสพติดซ้ำ ซึ่งอาจเกิดจากการเข้าสังคมไม่ได้
       1.4 การบำบัดรักษาการติดยาเสพติดด้วยตัวเอง
            มีผู้ป่วยจำนวนมากที่เลือกจะใช้วิธีการบำบัดด้วยตัวเอง เพื่อไม่ให้เกิดความลำบากต่อญาติพี่น้องในการไปรับ ไปส่ง หรือไปเยี่ยมเยียน รวมทั้งต้องเสียค่าใช้จ่ายอย่างไม่จำเป็นอีกด้วย แต่อาจจะต้องใช้ความเข้มแข็งทางจิตใจและร่างกายพอสมควร พร้อมกันนี้ก็ต้องมีการติดตามจากคนใกล้ชิด เพราะถ้าหากผู้ป่วยติดสารเสพติดมาเป็นระยะเวลานานแล้ว การเลิกใช้ยาเสพติดด้วยตัวเอง อาจส่งผลให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้ โดยวิธีทั่วไปที่ผู้ป่วยมักจะใช้กันในการรักษาตัวเอง คือ
การขังตัวเองอยู่ภายในห้องน้ำ เมื่อมีอาการอยากยา ควรหางานอดิเรกทำ หรือทำในสิ่งที่ชอบ เพื่อเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเองที่มีต่อยาเสพติด สวดมนต์ นั่งสมาธิ เพื่อควบคุมสติให้อยู่กับตัว
ขอความร่วมมือจากคนในครอบครัว ให้ช่วยเหลือ เช่น ดูแลอาหารการกิน และที่อยู่อาศัย พร้อมทั้งจัดสิ่งอำนวยความสะดวกให้ ในช่วงระยะเวลาที่จะเลิกยา 
         สรุป
         ไม่ว่าจะเป็นการเลิกยาเสพติดด้วยวิธีไหนก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุด คือกำลังใจล้วน ๆ แต่ทั้งนี้ ทั้งผู้ป่วยและครอบครัวอาจจะต้องทำใจไว้เรื่องหนึ่ง คือ หากใช้ยาที่มีความรุนแรงมาก หรือใช้มาเป็นระยะเวลานาน สมองบางส่วนอาจจะถูกทำลาย จนทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ การจะบำบัดยาเสพติดให้ผู้เสพหายเป็นปกติได้นั้น ก็อาจต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร อย่างไรก็ตาม การบำบัดรักษาให้เลิกยาได้ขาดก็ย่อมทำได้ หากผู้ป่วยมีกำลังใจ และได้รับกำลังใจที่ดีจากคนรอบตัวรวมถึงครอบครัว

ที่มา:


Comments

Popular posts from this blog

การสังคายนา

เด็กเจ้าปัญญา (ฉบับย่อ)

Homework Math G 7